ดูดไขมันเอว S เมื่อพูดถึง เอว S ผู้หญิงหลายๆ คน ก็อยากจะมีหุ่นที่ดี ใส่ชุดไหนก็ดูสวย ยิ่งถ้าผู้หญิงคนไหนที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งที่โดดเด่นแบบ “หุ่นนาฬิกาทราย” ก็จะยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้น่ามอง เพราะการมี “เอวคอด” หรือ “เอว S” ถือเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของสรีระผู้หญิงที่น่าหลงใหล แต่ผู้หญิงบางคนกลับมีเอวที่หนาหรือตรง ซึ่งทำให้ขาดความมั่นใจ ใส่อะไรก็ไม่สวย และอยากจะเพิ่มความมั่นใจในการใส่เสื้อผ้าให้ดูมีเสน่ห์ยิ่งขึ้น โดยการหาวิธีลดหุ่นต่างๆ เช่น การออกกำลังกาย การลดอาหาร แต่ก็ไม่สามารถที่จะทำให้มีหุ่นที่เป็นเอว s ได้อย่างที่คาดหวังไว้ จึงหันมาหาตัวช่วยโดยการดูดไขมัน เนื่องจากการดูดไขมันเป็นทางลัดในการสร้างเอวที่เคยหนาหรือคนที่ไม่มีเอวจนรูปร่างตรงเป็นสี่เหลี่ยม ให้มีรูปร่างที่มีส่วนโค้งส่วนเว้ามากขึ้น และกลายเป็น “หุ่นนาฬิกาทราย” หรือ “เอว S” ได้ตามที่คาดหวัง
ดูดไขมัน เอว s เจ็บไหม ?
สำหรับบุคคลที่ต้องการดูดไขมันเอว s และมีความกังกลในเรื่องของความเจ็บ หรือคิดว่าการดูดไขมันเอว s เป็นเรื่องที่อันตราย ปัจจุบันเทคนิคการดูดไขมัน มีเทคโนโลยีที่ก้าวไกลและทันสมัยมากขึ้นกว่าการดูดไขมันสมัยก่อน เพื่อให้คนไข้รู้สึกเจ็บน้อยลงในระหว่างที่ทำการดูดไขมัน อีกทั้งยังอำนวยความสะดวกให้กับแพทย์มากขึ้น การดูดไขมันด้วยวิธีสมัยก่อน เครื่องมือและเทคโนโลยียังไม่พัฒนาเทียบเท่ากับการดูดไขมันในปัจจุบัน ซึ่งอุปกรณ์ที่ใส่เข้าไปในชั้นไขมันเพื่อทำการดูดไขมัน มีโอกาสสูงมากที่จะโดนเส้นเลือด เส้นประสาท และเนื้อเยื่อ หากแพทย์ไม่ระมัดระวังระหว่างทำการดูดไขมัน หรือมีความเชี่ยวชาญในการดูดไขมันไม่มากพอ ก็อาจใส่เข้าไปลึกจนถึงชั้นกล้ามเนื้อได้ ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้นนี้เอง
ดูดไขมันเอว s เจ็บไหม? คนไข้จะมีความเจ็บปวดในขั้นตอนการฉีดยาชาก่อนการดูดไขมัน หลังจากนั้นในช่วงแรกไปจนถึงช่วงกลาง ๆ ในระหว่างการดูดไขมันเอว s คนไข้อาจจะไม่รู้สึกถึงความเจ็บ เมื่อชั้นไขมันบางลง ไขมันที่ยังเหลือติดอยู่กับผิวหนังและกล้ามเนื้อ อาจจะทำให้คนไข้มีความรู้สึกเจ็บบ้าง หรือแปลบ ๆ บ้างในบางครั้ง แต่จะไม่เจ็บตลอดเวลา วิธีการดูดไขมันในปัจจุบันจึงเป็นที่นิยมสำหรับบุคคลที่อยากลดไขมันเอว เนื่องจากเจ็บน้อย และมีความปลอดภัยสูง อีกทั้งยังเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
ดูดไขมันเอว s ต้องใช้ยาสลบไหม ?
โดยทั่วไปการดูดไขมันเอว s มี 2 วิธีการ คือการดูดไขมัน แบบดั้งเดิมโดยการใช้ยาสลบ และวิธีการดูดไขมันแบบปัจจุบัน เป็นการดูดไขมัน ด้วยเทคนิคการใส่ยาชา (Tumescent ) หรือสารละลายน้ำเกลือที่เนื้อเยื่อไขมัน ซึ่งทั้งสองวิธีการมีผลข้างเคียงที่ต่างกัน โดยการเลือกใช้จะขึ้นอยู่กับความต้องการของคนไข้ สภาพร่างกายของคนไข้ และการพิจารณาของแพทย์เป็นหลักซึ่งในปัจจุบันการเลือกใช้ยาชาเฉพาะส่วน เป็นที่นิยมมากกว่าการใช้ยาสลบ เนื่องจากยาชามีผลข้างเคียงน้อยกว่าและฟื้นตัวได้เร็ว
ทำความรู้จัก ดูดไขมันเอว S คืออะไร
ดูดไขมันเอว S หนึ่งในทางลัดที่ช่วยแก้ปัญหาเอวหนา ไม่ได้รูปร่าง ไม่ได้สัดส่วนให้กับสาว ๆ ที่กำลังกังวลใจกับปัญหาเหล่านี้ สำหรับสาว ๆ ที่สนใจจะทำให้เอวกลับมาได้สัดส่วน เป็นรูปตัว S โดยใช้เวลาไม่นาน เรามาทำความรู้จักกับ ดูดไขมันเอว S ให้ดียิ่งขึ้นกันเลย
การดูดไขมันเอว S
เป็นหนึ่งในบริการการดูดไขมันของ FAT center สาเหตุที่เรียกว่าการดูดไขมันเอว S เพราะเป็นการดูดไขมันบริเวณเอว และจุดประสงค์ก็เพื่อให้เอวของคนไข้มีรูปร่าง มีสัดส่วนที่ดีลักษณะคล้ายรูปตัว S จึงเรียกการดูดไขมันนี้ว่าการดูดไขมันเอว S
คุณกำลังเผชิญปัญหาเหล่านี้อยู่หรือไม่ ?
✔ เอวหนา มีไขมันส่วนเกิน
✔ ออกกำลังกายคุมอาหารเเล้ว ยังลดไขมันส่วนเกินบางจุดไม่ได้
✔ รูปร่าง ไม่สมส่วน ใส่เสื้อผ้าไม่สวย ขาดความมั่นใจ
ดูดไขมันเอว เป็นทางลัดในการสร้างเอวเอส ให้รูปร่างมีส่วนเว้าส่วนโค้ง จากที่เคยหนาหรือคนที่ไม่มีเอวจนรูปร่างดูไม่สมส่วน ออกกำลังกาย ควบคุมอาหาร จนน้ำหนักลดแล้ว รูปร่างทั้งตัวลดแล้ว แต่เอวยังคงมีไขมันสะสมส่วนเกิน ดูดไขมัน ก็เป็นทางเลือกนึงที่สามารถตอบโจทย์ได้อย่างรวดเร็ว
ต้องเลือก ดูดไขมันเอว S วิธีไหน ให้เหมาะกับเรา ?
ดูดไขมันเอว s เป็นที่นิยมมากที่สุดในเพศหญิง เพราะเป็นส่วนที่เห็นได้ชัดเจนและเด่นชัดที่สุดในการใช้ชีวิตประจำวัน การดูดไขมันเอว s มีหลายวิธีการ วิธีการไหนจะเหมาะสมกับเรา เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาของผิวต่างๆ เช่น ผิวขรุขระ ไม่เรียบเนียน เป็นต้น วิธีที่ใช้ในการดูดไขมันเอว s มีด้วยกันหลายวิธี แต่ละวิธีนั้นแตกต่างกันอย่างไร ?
ดูดไขมัน FAT center มีวิธีไหนบ้าง?
การดูดไขมันในปัจจุบันนิยมแบ่ง และเรียกตามชื่อเครื่องมือที่ใช้ในการดูดไขมัน เช่น
- Bodytite
- Vaser Smooth 2.2
- Microaire PAL
โดยเครื่องมือแต่ละชนิดถูกออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์ต่างกัน Bodytite เน้นกระชับ Vaser lipo smooth 2.2 (vaser liposuction) และ Microaire PAL เน้นดูดออกปริมาณไขมันที่มากๆบางทีจึงจะเห็นแพทย์บางท่านใช้อุปกรณ์หลายชนิดร่วมกันเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดแหละหลายคนสงสัยและเกิดคำถามขึ้นมาว่าแล้วต้องใช้เครื่องมือไหนถึงจะดีที่สุดจริงๆแล้วการดูดไขมันออกมาให้ดีคือประสบการณ์ของแพทย์ที่ทำเพราะเรื่องนี้เป็นหัตถการที่ต้องอาศัยเวลาในการฝึกฝนทำบ่อยและประสบการณ์ของแพทย์ที่ทำซึ่งความแม่นยำไม่ได้เกิดจากอุปกรณ์ที่ดีอย่างเดียวแต่ต้องอดทนฝึกฝนทำซ้ำๆหลายๆครั้งจนมีความเชี่ยวชาญและชำนาญ
ดูดไขมันด้วยเครื่อง Body Tite
Body Tite คือ นวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่ใช้คลื่นความถี่วิทยุ ในการสลายไขมัน ดูดไขมัน พร้อมยกกระชับผิว ซึ่งในปัจจุบันเป็นที่ยอมรับของวงการแพทย์ เพราะนอกจากจะทำการสลายไขมันพร้อมการดูดไขมัน ภายในครั้งแรกที่ทำการรักษา ยังช่วยให้กระชับเนื้อผิวที่หย่อนคล้อยได้นอกจากจะช่วยกำจัดไขมัน คลื่นความถี่วิทยุ ยังกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และการหดตัวของกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อชั้นบางๆ ที่อยู่ในผิวหนังทำให้ผิวหนังทั้งหมดกระชับขึ้น ไม่หย่อนคล้อย อีกทั้งยังทำให้รูปร่างได้สัดส่วนมากยิ่งขึ้น
ข้อดีของการดูดไขมัน Body Tite
- หลังทำการรักษาผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องพักฟื้น
- แผลมีขนาดเล็ก เนื่องจากเครื่องมือมีขนาดเล็ก
- ลดอาการเจ็บและการบวมช้ำ จากการดูดไขมัน
- กระชับผิวเรียบเนียนได้โดยไม่เกิดปัญหาผิวเป็นคลื่นหลังการทำ
- ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังบริเวณที่ทำการรักษายกกระชับผิวเรียบเนียนได้โดยไม่เกิดปัญหาผิวเป็นคลื่นหลังการทำ
ดูดไขมันด้วยเครื่อง Vaser Smooth 2.2
Vaser Smooth 2.2 เป็นวิธีการดูดไขมันโดยการใช้คลื่นอัลตราซาวด์ คือ การนำพลังงานเสียงมาเป็นตัวช่วยในการสลายไขมัน ทำให้ไขมันแตกตัวมีความละเอียด ง่ายต่อการดูดไขมันออก และเลือกเจาะจงเฉพาะตัวไขมันเพียงอย่างเดียว จึงทำให้ดูดไขมันออกจนหมดในครั้งเดียว พร้อมยังมีเครื่องมือที่คอยกระชับผิวระหว่างการดูดไขมัน โดยเครื่อง Vaser Smooth 2.2 จะมีพลังงานที่สูง จึงเหมาะกับการดูดไขมันบริเวณหน้าท้อง เนื่องจากดูดไขมันออกมาได้ในปริมาณมากและทำให้ผิวมีความกระชับ
ข้อดีของการดูดไขมัน Vaser Smooth 2.2
- ช่วยลดอาการบวม และรอยเขียวช้ำ
- แผลเล็ก ฟื้นตัวได้เร็วกว่าการดูดไขมันแบบทั่วไป
- ดูดไขมันได้ในปริมาณมาก และลดเวลาในการดูดไขมัน
- เทคโนโลยีมีความปลอดภัยได้รับการยอมรับจาก US FDA และ THAI FDA และมีประสิทธิภาพในการรักษาสูง
ดูดไขมันด้วยเครื่อง Microaire PAL
Microaire PAL เป็นการใช้วิธีการดูดไขมันโดยการสั่นสะเทือนเพื่อนำไขมันออกมาจากร่างกาย เป็นวิธีที่ไม่ใช้ความร้อน ไม่เจ็บ ไม่เสี่ยงผิวไหม้ รวมถึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดไขมันได้ดีมากยิ่งขึ้นเพราะความถี่ในการสั่นจะช่วยให้ดูดไขมันได้ในปริมาณที่มาก รวมถึงรอยฟกช้ำน้อยกว่าการดูดไขมันแบบปกติ
ข้อดีของการดูดไขมัน Microaire PAL
- ลดระยะเวลาในการดูดไขมัน
- ดูดไขมันได้ในปริมาณมาก
- เพิ่มประสิทธิภาพในการดูดไขมัน
- แผลเล็ก หลังทำสามารถกลับบ้านได้ทันที
- สามารถดูดไขมันซ้ำได้ในบริเวณที่เคยดูดไขมันมาก่อน
- ลดการบาดเจ็บและลดการบอบช้ำของเนื้อเยื่อจากการเสียดสีขณะดูดไขมัน
ก่อนดูดไขมันเอว S ต้องเตรียมตัวอย่างไร ?
ในปัจจุบันการศัลยกรรมดูดไขมันเอว s ถือเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในเพศหญิง เนื่องจากเป็นวิธีที่สามารถกำจัดไขมันส่วนเกินออกไปจากร่างกายได้ เปลี่ยนเอวหนา ให้กลายเป็น “หุ่นนาฬิกาทราย” หรือ “เอว S” ปรับรูปร่างให้ดูสวยงาม บุคคลที่จะดูดไขมันก่อนที่จะตัดสินใจควรศึกษาข้อมูล และมีการเตรียมความพร้อมก่อนดูดไขมัน เพื่อความปลอดภัยและผลการรักษาที่ดีกับคนไข้ การเตรียมความพร้อมต้องทำอย่างไรบ้าง ?
- ก่อนจะเลือกดูดไขมัน ควรดูดไขมันกับแพทย์ที่ได้รับใบประกอบวิชาชีพ และคลินิกที่ได้มาตรฐานมีใบอนุญาตถูกต้องเท่านั้น
- ก่อนทำการดูดไขมันต้องแจ้งแพทย์ว่ามีประวัติการแพ้ยาหรือไม่ เป็นสิ่งสำคัญมากเพื่อป้องกันการแพ้ยาระหว่างการดูดไขมัน
- ก่อนทำการดูดไขมันควรมีการตรวจเลือด เพื่อตรวจเม็ดเลือดและเกล็ดเลือด การแข็งตัวของเลือด เกลือแร่ในร่างกาย เพื่อความปลอดภัยของคนไข้เอง
- คนไข้ต้องศึกษาหาข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับกระบวนการดูดไขมัน และความเสี่ยงต่างๆ ศึกษากระบวนการรักษาทั้งตอนดูดไขมันและหลังดูดไขมัน
- ควรวางแผนการพักฟื้นให้ดี หลังการผ่าตัดต้องดูแลแผลเป็นอย่างดี เพราะในช่วงแรกจะมีน้ำเกลือไหลซึมออกมาจากปากแผล แต่ก็เป็นแค่ช่วงเวลา 1-2 วันเท่านั้น
- ปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจดูดไขมัน แจ้งความกังวลกับแพทย์ว่าเรากังวลส่วนไหน ทำไมถึงอยากดูดไขมันบริเวณนี้ออก เพื่อประกอบการตัดสินใจของทั้งแพทย์และคนไข้
- คนไข้ต้องเตรียมพร้อมร่างกายก่อนดูดไขมันซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก คนไข้ต้องงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหารเสริมต่างๆ และยากลุ่มแอสไพริน ก่อนทำการดูดไขมันอย่างน้อยเป็นเวลา 2 สัปดาห์
ดูดไขมัน เอวS เหมาะกับใคร ?
การดูดไขมันเอว S เหมาะกับสาว ๆ ที่มีปัญหาไขมันส่วนเกินสะสมในร่างกายที่บริเวณเอวทำให้มีรูปร่างและสัดส่วนไม่เป็นไปอย่างที่ต้องการ โดยคนที่เหมาะกับการดูดไขมันเอว S ได้แก่
- คนที่ต้องการลดเอว ปรับรูปร่างและสัดส่วนให้มีส่วนเว้าส่วนโค้ง
- คนที่ออกกำลังกายแล้วแต่สัดส่วนและเอวก็ไม่ลด
- คนที่น้ำหนักลดแล้ว ผอมแล้ว แต่ก็ยังไม่มีเอว
- คนที่ต้องการสร้างความมั่นใจในสรีระและรูปร่าง
- คนที่มีปัญหาทางด้านระบบเผาผลาญ และอยากมีรูปร่างที่สมส่วน
- คนที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว ไม่อยากรอนาน
ดูดไขมัน เอวS ต้องวางยาสลบไหม ?
ดูดไขมันเอวเพียงอย่างเดียวไม่จำเป็นต้องใช้ยาสลบสามารถทำด้วยยาชาได้สบายๆและยังสามารถทำไปพร้อมกันกับบริเวณอื่นๆที่คนไข้กังวลเช่นดูดไขมันหน้าท้องหรือดูดไขมันปีกหลังร่วมด้วยในครั้งเดียวกันได้เลย
ดูดไขมัน เอว S มีขั้นตอนอย่างไร ?
ขั้นตอนการดูดไขมันเอว s เพื่อเตรียมพร้อมก่อนดูดไขมัน สำหรับบุคคลที่กำลังตัดสินใจจะดูดไขมัน
เอว s ควรศึกษาการเตรียมตัวก่อนดูดไขมันและขั้นตอนการดูดไขมัน เพื่อป้องกันการผิดพลาดหรือปัญหาต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นภายหลัง ขั้นตอนการดูดไขมันเอว s เป็นการนำไขมันส่วนเกินที่ไม่ต้องการออก ด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ วันนี้ FAT center มี ขั้นตอนการดูดไขมัน มาให้ทุกคนได้อ่านเพื่อเตรียมตัวก่อนมาดูดไขมัน ว่ามีขั้นตอนอย่างไรบ้าง ?
1.การฉีดสารละลายน้ำเกลือ (Tumescent)
แพทย์ฉีดยาชา เพื่อเปิดแผล ขนาดประมาณ 0.5-1 cm หลังจากนั้นตัวยาชาและอะดรีนาลีนจะถูกฉีดเข้าไปในบริเวณเอว เพื่อช่วยระงับความรู้สึกและช่วยลดอาการเสียเลือด การดูดไขมันด้วยเทคนิคนี้จะช่วยเพิ่มความปลอดภัย และช่วยทำให้สามารถดูดไขมันออกมาได้ง่ายขึ้น
2.ขั้นตอนการดูดไขมัน
หลังจากการใส่ยาชาจนทั่วแล้ว จะเป็นขั้นตอนของการสลายไขมันเอว เพื่อทำการสลายเซลล์ไขมันให้แตกออกโดยที่ไม่ทำอันตรายต่อเนื้อเยื่ออื่น ๆ เช่นเส้นเลือด หรือเส้นประสาทอื่นๆ เมื่อไขมันแตกสลายเป็นน้ำหมดแล้ว แพทย์จะทำการดูดไขมันออก โดยใช้เครื่องดูดไขมัน
3.ขั้นตอนการทำแผล
เมื่อดูดไขมันเสร็จจนหมดแล้ว แพทย์จะทำการเย็บแผล ซึ่งแผลจะมีขนาดเล็ก และเย็บไม่เกิน 2 เข็ม หลังการผ่าตัด จะมีน้ำเกลือไหลออกมาจากแผลผ่าตัด ไม่เกิน 24-48 ชั่วโมง แพทย์จะเย็บแผลให้ปิดไม่สนิทมากเพื่อระบายน้ำเกลือและยาชาที่ค้างอยู่ออกจากร่างกาย จากนั้นยังช่วยลดอาการบวม ยุบบวมได้เร็ว หลังการรักษา คนไข้ต้องดูแลแผลเป็นอย่างดี ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
“หลังทำ” ดูดไขมันเอว S ต้องดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง ?
การดูดไขมันเป็นการผ่าตัดรูปแบบหนึ่ง ความเจ็บปวดหรืออาการบวมช้ำต้องปรากฏอย่างแน่นอน ซึ่งหลังจากการดูดไขมัน การดูแลตัวเองก็เป็นสิ่งสำคัญ และยังสามารถช่วยให้แผลจากการดูดไขมันหายเร็วขึ้น แต่การดูแลตัวเองหลังการดูดไขมันจะต้องทำอย่างไรบ้าง มีข้อปฏิบัติต่าง ๆ ดังนี้
- ควรดื่มน้ำในปริมาณมาก อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร
- งดการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างรุนแรงเพื่อป้องกันแผลเปิด
- หากเกิดความผิดปกติหลังการดูดไขมัน ให้รีบไปพบแพทย์ทันที
- งดทานแอลกอฮอล์ อาหารหมักดอง รวมไปถึงการสูบบุหรี่เพื่อป้องกันแผลหายช้า
- ควรทำความสะอาดแผล 1-2 ครั้งต่อวัน แผลห้ามโดนน้ำเป็นเวลา 7 วัน ตามคำแนะนำของแพทย์
- หลังจากดูดไขมันแล้วควรพักผ่อนให้เพียงพอ และขยับร่างกายบ้างเล็กน้อย เพื่อป้องกันอาการบวมช้ำ
- งดอาบน้ำในวันที่ดูดไขมัน โดยแนะนำเป็นการอาบน้ำในวันถัดไป และควรแปะพลาสเตอร์กันน้ำทุกครั้งก่อนอาบน้ำ
- สวมชุดกระชับสัดส่วนตลอด 24 ชั่วโมงใน 7 วันแรก หลังจากนั้นจึงค่อยลดลงตามความเหมาะสม ตามคำแนะนำของแพทย์
- รับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ทานยาปฏิชีวนะติดต่อกันทุกวันจนหมด ควรรับประทานยาแก้ปวด และยาลดอาการบวม เมื่อมีอาการเท่านั้น
- ในส่วนของขั้นตอนการดูดไขมันนั้น คนไข้จำเป็นต้องศึกษาหาข้อมูลเบื้องต้นไว้ เพื่อที่จะได้เตรียมตัวก่อนดูดไขมันได้อย่างถูกวิธี เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดของการดูดไขมัน
ดูดไขมันเอวเอส ราคา เท่าไหร่?
ราคาในการดูดไขมันเอว S ที่ FATcenter นั้น แต่ละบุคคลจะแตกต่างกันออกไปโดยขึ้นอยู่กับขนาดและปริมาณในการดูดไขมัน และก่อนการดูดไขมันคนไข้สามารถปรึกษาราคาและค่าใช้จ่ายในการดูดไขมันกับทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้