ดูดไขมันราคาเท่าไหร่? ดูดไขมันคืออะไร? ดูดไขมันมีกี่วิธี?

คำถามยอดนิยมที่คนไข้ต้องการรู้ก่อนดูดไขมัน คือ ดูดไขมันราคาเท่าไหร่? แพงหรือไม่?

คุณหมอตุ้ม และ FAT center จะมาตอบให้ในบทความนี้ค่ะ

         ดูดไขมันก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่า การดูดไขมันเป็นการผ่าตัดเปลี่ยนแปลงรูปร่าง มีแผลเล็กไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้เป็นปกติ ในปัจจุบันการดูดไขมันจึงเป็นที่นิยม ในส่วนของราคานั้นขึ้นอยู่กับขนาดตัวของลูกค้า ซึ่งแต่ละเคสจะถูกประเมินโดยแพทย์ มีเกณฑ์ดังนี้ น้ำหนักตัวและมวลไขมันเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการประเมินราคาการดูดไขมัน แต่ทั้งนี้การประเมินราคาจะเป็นไปตามความเหมาะสมของปริมาณไขมันที่แพทย์จะดูดไขมันออกมา

          โดยทางคลีนิคจะให้บริการทั้งก่อนเข้ารับบริการโดยการให้คำแนะนำผ่านหลายช่องทางทั้งแชทในไลน์ หรือโทรสอบถามได้โดยตรง หลังการรับการรักษาทางผู้ดูแลจะทำการติดตามผลเป็นอย่างดี โดยมีการสอบถาม ติดตามอาการอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ในส่วนของราคาแนะนำให้คนไข้เข้ามาปรึกษากับทีมแพทย์โดยตรงเพื่อที่จะได้เนื้อหาทางการแพทย์ได้อย่างถูกต้องเพื่อประกอบการตัดสินใจดูดไขมัน ในส่วนของราคาเริ่มต้น 25,000 เป็นต้นไป

ดูดไขมันคืออะไร?

คนที่มีปัญหาในเรื่องของรูปร่างและสัดส่วนที่ไม่พึงพอใจกับรูปร่างตนเอง มีส่วนเกิน หรืออ้วนสะสมมานาน ทางเลือกที่หลายคนสนใจก็คือการ “ดูดไขมัน” เป็นการศัลยกรรมประเภทแก้ไขเปลี่ยนแปลงรูปร่างให้มีสัดส่วนที่ดีขึ้น ต้องอาศัยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการดูดไขมัน สำหรับบุคคลที่ยังไม่มีความรู้เกี่ยวกับการดูดไขมันเรามาทำความรู้จักกันได้ดังนี้

การดูดไขมันไม่สามารถดูดไขมันได้ทุกแห่ง

ตำแหน่งที่คนนิยมดูดไขมัน ได้แก่ ท้อง เอว ต้นขา ต้นแขน และสะโพก การดูดไขมันในแต่ละบริเวณต้องอาศัยความระมัดระวังความเชี่ยวชาญของทีมแพทย์ บริเวณที่ไม่ควรดูดไขมันคือบริเวณใบหน้า แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผิวของแต่ละบุคคลและต้องฟังคำแนะนำจากทีมแพทย์โดยตรง อีกหนึ่งบริเวณที่ต้องระวังคือบริเวณน่องเป็นที่ที่คนไข้หลายคนอยากดูดไขมันออก แต่ส่วนมากขนาดของน่องที่ใหญ่ มักไม่ได้เป็นเพราะไขมันแต่เป็นเพราะกล้ามเนื้อมากกว่า อาจต้องเข้าไปปรึกษาแพทย์เพื่อทำการวิเคราะห์รายละเอียดอีกทีว่ามีไขมันสะสมอยู่มากน้อยเพียงใดสามารถดูดไขมันได้หรือไม่

อีกหนึ่งเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับการดูดไขมันก็คือ

การดูดไขมันไม่ใช้วิธีลดน้ำหนัก แต่เป็นวิธีการดูดไขมันเพื่อลดสัดส่วน ให้รูปร่างเข้าที่และมีสัดส่วนที่ชัดเจนสวยงามมากขึ้น เนื่องจากไขมันมีน้ำหนักที่เบามาก เทียบกับกล้ามเนื้อที่เรามีอยู่ถือว่าการนำไขมันออกไปนั้นน้ำหนักแทบจะไม่ลงเลย แต่ถ้าคนไข้ดูดไขมันไปแล้วสัดส่วนเข้าที่และเล็กลงแล้ว คนไข้สามารถควบคุมน้ำหนัก และออกกำลังกายควบคู่กันไปเท่านี้น้ำหนักก็จะลดลง และยังมีสัดส่วนที่กระชับมากขึ้นหลังจากดูดไขมันไปแล้ว

สำหรับการดูดไขมันในบริเวณต่างๆ

การดูดไขมัน ความจริงแล้วไม่มีอะไรการันตีได้ว่าไขมันจะหมดไปอย่างถาวร ไม่สะสมใหม่ได้อีก การดูดไขมันเป็นตัวช่วยให้ไขมันที่สะสมบริเวณต่างๆหายไปในเวลารวดเร็ว ช่วยให้มีรูปร่างที่ดีขึ้น มีส่วนโค้งเว้าที่สวยงาม ไขมันบริเวณที่ดูดไขมันไปแล้วจะกลับมาสะสมได้น้อยกว่าเดิมแต่ถ้าไม่มีการควบคุมอาหารที่ดี ไขมันจะกลับมาสะสมได้เร็วเช่นกัน

คนไข้มีแนวโน้มต้องดูดไขมันหรือเปล่า?

คนที่มีรูปร่างอ้วนหรือผอมต่างมีความกังวล เกี่ยวกับปัญหาส่วนเกินด้วยกันทั้งนี้ ความอ้วนและส่วนเกินเกิดจากการสะสมไขมันในร่างกายเป็นระยะเวลานาน ซึ่งเกิดจากอาหารการกินในแต่ละวัน กินตามใจปาก จนเกิดการอ้วนแบบไม่รู้ตัว ยิ่งถ้าไม่สนใจในรูปร่างตัวเองแล้ว ยิ่งจะเพิ่มน้ำหนักและความอ้วนมากขึ้นไปเอง น้อยคนที่จะควบคุมอาหาร ด้วยการใช้ชีวิต มีเวลาในการดูแลตัวเองน้อยลง กินแบบเอาสะดวกไม่ได้คำนึงถึงโทษและประโยชน์ของอาหาร

วิธีสังเกตตัวเองว่าควรดูดไขมันมีดังนี้

1.ใส่กางเกงตัวเดิมไม่ได้แล้ว อึดอัดบริเวณหน้าท้อง เสื้อผ้าที่เคยใส่ถูกเปลี่ยนไซส์ให้ใหญ่ขึ้นตามขนาดตัว ใส่เสื้อผ้าแล้วอึดอัด แน่นตรงแขน ตรงขา ทำให้ไม่มั่นใจในการใส่เสื้อผ้า

2.ขาเบียด เวลาเดินเกิดการเสียดสี ไขมันสะสมบริเวณต้นขาเยอะ เนื่องจากอ้วนขึ้น ทำให้ขาไม่มีช่องว่างเกิดการเบียดเสียดเวลาเดิน อาจทำให้ขาบริเวณที่เบียดกันเกิดรอยคล้ำได้

3.พุงปลิ้นออกมาเวลานั่ง พุงเป็นชั้นมองดูแล้วไม่สวยงาม บางท่านต้องปลดกระดุมกางเกงเวลานั่งนานๆ เนื่องจากอึดอัด
4.ออกกำลังกายยังไงก็ไม่ผอม ออกยังไงสัดส่วนก็ไม่ลดลง การดูดไขมันจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดี เนื่องจากกำจัดไขมันได้อย่างรวดเร็วและเห็นผล

5.อยากให้ใบหน้าชัดขึ้น แต่เหนียงเยอะ คนไข้บางคนมีรูปร่างที่ดีอยู่แล้วแต่มีเหนียงเยอะ กรอบหน้าไม่ชัด คางไม่ชัด ทำให้เป็นปัญหาโดยเฉพาะตอนถ่ายรูปตัวช่วยที่ดีคือดูดไขมัน


ดูดไขมันมีกี่วิธี?

การดูดไขมันด้วยวิธี Vaser

Vaser นั้นจะเป็นการ ดูดไขมัน โดยการใช้เครื่องมือในพลังงานคลื่นเสียงหรือที่เรียกกันว่า Ultrasound ในระดับความถี่ที่เหมาะสมเพื่อเข้าไปทำปฏิกิริยากับไขมัน และทำให้ไขมันกลายเป็นของเหลว จากนั้นจึงใช้เครื่องมือดูดไขมันที่เป็นของเหลวออกมา เป็นวิธีการที่ปลอดภัย ไม่เป็นอันตราย และเป็นวิธียอดนิยม

การดูดไขมันด้วยวิธี Body tite

การดูดไขมัน ด้วยวิธี Body tite คือการใช้พลังงาน RF (Radio Frequency) ยิงใส่ชั้นลึกของผิวหนังไขมัน ทำให้ไขมันสลายเป็นของเหลวก่อนจะถูกดูดไขมันออกมา ทำให้ดูดไขมันได้ง่ายขึ้นไปอีก การดูดไขมัน ด้วยวิธี Body tite จะมีข้อดีคือทำให้ผิวหนังกระชับ ลดการเสียเลือดได้อีกด้วย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วคนที่ดูดไขมันด้วยวิธี Body tite นั้นจะใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 2 สัปดาห์ และมีรอยช้ำเล็กน้อยเพียงแค่ 1 – 2 มิลลิเมตร

การดูดไขมันด้วยวิธี Water Jet

คือการดูดไขมันด้วยการใช้พลังงานน้ำ การดูดไขมันด้วยวิธี Water Jet นั้นจะเป็นการใช้พลังงานน้ำเข้าไปแยกเซลล์ไขมันออกจากเนื้อเยื่อผิวหนัง ส่งผลให้เซลล์ไขมันดังกล่าวมีสภาพที่สมบูรณ์ สามารถนำมาใช้ประโยชน์ต่อได้อีกทีหนึ่ง เช่นนำไปเติมไขมันบริเวณต่างๆของร่างกาย

บทสรุปของราคาการดูดไขมัน

การดูดไขมันเป็นวิธีทางการแพทย์ ที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญทางการแพทย์โดยตรง ซึ่งแพทย์ต้องมีความเชี่ยวชาญทางด้านนี้ ต้องรู้ว่าดูดไขมันได้แค่ไหน รูปร่างของคนไข้ถึงจะมีสรีระที่สวยงาม เป็นไปตามควาามต้องการของคนไข้ตั้งแต่แรก ส่วนการประเมินราคาจะขึ้นอยู่กับรูปร่างและสัดส่วนของคนไข้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์ เนื่องจากรูปร่างของคนไข้แต่ละคนไม่เหมือนกัน มีปริมาณไขมันต่างกัน หลักสำคัญของการประเมินราคาดูดไขมันคือ รูปร่างของคนไข้ รวมถึงน้ำหนักตัวและมวลไขมันในร่างการของคนไข้เอง เพราะฉะนั้นจึงแนะนำให้คนไข้เข้ามาปรึกษากับทางทีมแพทย์โดยตรง เพื่อประกอบการตัดสินใจ และเพื่อความพึงพอใจของราคาการดูดไขมัน ที่คนไข้ต้องจ่ายให้กับทางคลีนิค

ติดตามรับข่าวสารดี ๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://web.facebook.com/FATcenter

โปรโมชั่นพิเศษ
เฉพาะลงทะเบียน ออนไลน์เท่านั้น

[[ FAT center ]] ดูดไขมัน..แบบปลอดภัย อบอุ่น ใส่ใจ 💕ดูแลอย่างใกล้ชิดโดย…ทีมแพทย์ทุกขั้นตอน

✅มาตรฐาน ✅ปลอดภัย ✅ตรงปก ✅ไม่แพง

ติดตามรับโปรโมชั่นดีๆได้ที่นี่