สำหรับการ ดูดไขมัน ก็มีคำถามตามกันมาว่า ระหว่าง ยาสลบหรือยาชา แบบไหนดีกว่านะ? เพราะการดูดไขมันก็ต้องใช้ยาระงับความเจ็บปวด ในปัจจุบัน การใช้ ยาชา เฉพาะที่ เป็นที่นิยมมากกว่าการใช้ยาสลบ เนื่องจากหลาย ๆ คนยังกลัว ยาสลบ จากข่าวที่ออกมาในสมัยก่อน ซึ่งวิธีระงับความเจ็บปวดทั้งสองแบบนี้ มีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกันไปค่ะ
การผ่าตัดสมัยนี้ มีวิธีระงับความเจ็บปวดในระหว่างการผ่าตัด สามารถทำได้โดยการวาง ยาสลบ และการฉีด ยาชา จะขึ้นอยู่กับความต้องการของคนไข้ โรคประจำ ความพร้อมก่อนผ่าตัด และการพิจารณาของทีมแพทย์ที่ดูแล ในปัจจุบันการใช้ ยาชาเฉพาะที่ เป็นที่นิยมมากกว่าการใช้ ยาสลบ วันนี้จะมากลาบข้อสงสัยกันค่ะว่า ยาสลบหรือยาชา แบบไหนดีกว่า? เรามาดูข้อแตกต่างของการวาง ยาสลบ และ การใช้ ยาชา ได้ดังนี้ค่ะ
ข้อควรรู้เกี่ยวกับ การวางยาสลบ
การวางยาสลบ (General anesthesia) เป็นยาที่ถูกใช้เพื่อทำให้ผู้ป่วยหมดสติ เอื้อประโยชน์ต่อขั้นตอนการรักษา อย่างการผ่าตัดใหญ่ที่ต้องใช้เวลานาน ผู้ป่วยจะรู้สึกง่วงนอน และหมดสติไปในที่สุด โดยที่ผู้ป่วยจะไม่รู้สึกตัวและไม่รู้สึกเจ็บปวดในระหว่างทำการรักษา การดูดไขมัน โดยการวางยาสลบ จะทำในช่วงที่ร่างกายคนไข้พร้อม หรือแข็งแรงเท่านั้น
ข้อดีของการใช้ยาสลบ ระหว่างดูดไขมัน
ยาสลบ มีข้อดีคือ ผู้ป่วยไม่ต้องรับรู้ต่อเหตุการณ์ต่างๆ ในห้องผ่าตัด เพราะมีผู้ป่วยบางท่านมีความกลัวและกังวลในช่วงเวลาที่ทำการดูดไขมัน ในการวาง ยาสลบ จะมีวิสัญญีแพทย์ควบคุมการหายใจ และระบบไหลเวียนได้ จึงเหมาะสมสำหรับการผ่าตัดที่ต้องใช้ระยะเวลานาน
ข้อเสียการวางยาสลบ ระหว่างดูดไขมัน
ข้อเสียของการวางยาสลบ จะมีมาก เนื่องจากการใช้ยาหลายตัว และกรรมวิธีมากมาย ตัวอย่างเช่น
1. อาการเจ็บคอ ระคายคอ หรือ เสียงแหบ ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากการสอดใส่ท่อช่วยหายใจผ่านเข้าไปในหลอดลม
2. อาการคลื่นไส้ อาเจียน ในช่วงพักฟื้นหลังการผ่าตัด อันเป็นผลโดยตรงจากยาแก้ปวด และยาดมสลบ
3.ผู้ป่วยต้องงดน้ำงดอาหารมานานพอสำหรับการวางยา ในทางปฏิบัติจะต้องงดน้ำและอาหารอย่างน้อย 6 ชม. ก่อนได้รับการวางยาสลบ
ภาวะแทรกซ้อนจากการวางยาสลบ
อาจเกิดขึ้นได้ ภาวะแทรกซ้อนจากการวางยาสลบมีทั้งไม่ร้ายแรงและร้ายแรง ยกตัวอย่างเช่น
- อาการแพ้ยาสลบอย่างรุนแรง และฉับพลัน อาการดังกล่าวคือ ความดันโลหิตต่ำ, หายใจลำบาก, ความรู้สึกตัวน้อยลง
- การเสียชีวิต รุนแรงที่สุด และเกิดได้น้อยที่สุด ซึ่งในปัจจุบันแทบไม่มีแล้ว อาจเกิดได้จากภาวะแทรกซ้อน หรืออาการเจ็บป่วยอื่น ๆ เช่นการติดเชื้อในปอด เป็นต้น
บุคคลที่ไม่ควรวางยาสลบ? ระหว่างดูดไขมัน
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางโรค ได้แก่โรคเบาหวาน, โรคหัวใจ, โรคไต, โรคปอด หรือโรคอ้วน ผู้ที่อยู่ในสภาวะความดันโลหิตสูง ผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
ข้อควรรู้เกี่ยวกับ การฉีดยาชา
ยาชา (Local Anesthetics) ก็เป็นสารที่เราใช้เพื่อระงับการรับความรู้สึก เป็นการบล็อกความรู้สึกจากการที่ไปทำปฏิกิริยากับการส่งกระแสประสาทของเส้นประสาท ซึ่งสามารถนำมาใช้ได้ในกรณีฉีดเฉพาะที่เช่นท้อง แขน ขา แพทย์จะพิจารณาเลือกใช้ยาชาที่เหมาะสมกับผู้ป่วย วิธีการรักษา และระยะเวลาที่ต้องการให้ยาออกฤทธิ์ โดยยาชาในรูปแบบที่ฉีดเฉพาะที่การออกฤทธิ์จะใช้เวลา 1-2 นาที ในการออกฤทธิ์เต็มที่ และจะออกฤทธิ์ได้นานประมาณ 3 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้น
ข้อดีของการใช้ยาชา ระหว่างดูดไขมัน
ยาชา มีข้อดีคือ ปลอดภัย มีความเสี่ยงน้อย ไม่ต้องงดน้ำ งดอาหาร และคนไข้จะรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลา เป็นยาที่ใช้ เพื่อระงับความรู้สึกความเจ็บปวด
ข้อเสียของการใช้ยาชา ระหว่างดูดไขมัน
จะเกิดขึ้นหลังการดูดไขมันในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก หลังการผ่าตัดทันที ยาชา จะยังอยู่ในร่างกาย ยาชาจะถูกขับออกมาทาง การปัสสาวะ ทำได้โดยการดื่มน้ำในปริมาณมากๆ รู้สึกคลื่นไส้อาเจียน สามารถ ทานเกลือแร่เพื่อทดแทน สิ่งที่ถูกขับออกไป เมื่อยาชาถูกขับออกไปแล้ว อาการดังกล่าวจะค่อยๆหายไป
ข้อห้ามในการใช้ยาชาเฉพาะที่
- ควรใช้ด้วยความระมัดระวังมาก หรือไม่ควรใช้เลย ในผู้ที่เป็นโรคตับอย่างรุนแรง
- ในบริเวณผิวหนังที่เป็นหนอง และอักเสบ จากการติดเชื้อ ไม่ควรใช้ยาชาโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้เชื้อโรคแพร่กระจาย และ ยาชา ก็ใช้ไม่ได้ผลด้วย
- ในผู้ที่เป็นโรคหัวใจ, hyperthyroid, ความดันเลือดสูง และเส้นเลือดแดงตีบ ไม่ควรใช้ยาชาที่ผสมสารที่ทำให้หลอดเลือดหดตัว
ข้อแตกต่างระหว่าง การใช้ ยาสลบหรือยาชา แบบไหนดีกว่านะ?
เราจะเห็นได้ว่าผลข้างเคียงจากการฉีดยาชานั้น มีน้อยกว่า การวางยาสลบ ซึ่งในปัจจุบันการฉีดยาชาเฉพาะจุดมีความนิยมมากกว่า เพราะคนไข้สามารถกลับบ้านได้เลยหลังจากการดูดไขมัน คนไข้รู้สึกตัว ไม่มีอาการมึนงง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของตัวคนไข้เอง และคำแนะนำจากทีมแพทย์ที่ทำการ ดูดไขมัน ค่ะ
ติดตามรับโปรโมชั่นดูดไขมันได้ที่นี่
ติดตามรับข่าวสารดี ๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://web.facebook.com/FATcenter
เฉพาะลงทะเบียน ออนไลน์เท่านั้น